
คะแนนที่ใช้ยื่น
ฺBMAT | 12.7A |
IELTS | 7.5 |
GPA | 3.99 |
SAT Subject Chemistry | 800 |
SAT Subject Biology | 770 |
SAT Subject Math Level 2 | 800 |
1. น้อง Mooky เริ่มเตรียมตัวอย่างไร? สำหรับการสอบเข้า คณะแพทย์รามา
คิดว่าในขั้นแรกเลยคือการค้นหาตัวเองให้เจอก่อนค่ะ ลอง explore ตัวเองหลาย ๆ แบบ หาข้อมูลเกี่ยวกับวิชาชีพ ปรึกษาคนที่มีประสบการณ์ ลงคอร์สเรียน เข้าร่วมงานและค่ายต่าง ๆ ไปจนถึงลองลงมือทำวิจัย ฯลฯ ที่เกี่ยวข้อง มันจะทำให้เราทั้งได้รู้จักตัวเองมากขึ้น รู้ว่าอะไรใช่ไม่ใช่ ควรไปต่อหรือถอย และได้ inspiration กลับไปด้วย ซึ่งคิดว่ามันสำคัญมาก ๆ ในการเตรียมตัวเข้ามหาลัย รวมถึงการวางแผนการเรียนในสายงานที่จะทำให้เรามีความสุขด้วยค่ะ อีกอย่างที่คิดว่าสำคัญ ก็คือการมองหามหาลัยที่เหมาะกับเราค่ะ ส่วนตัวหนูคิดว่า learning environment เป็นสิ่งสำคัญมาก การ support จากคณะ อาจารย์ รุ่นพี่ เพื่อเรียนรู้ในสิ่งที่เราสนใจและอยากจะทำจริง ๆ จะทำให้เรามีความสุขในการเรียนได้มากยิ่งขึ้น โดยแต่ละมหาลัยก็จะมี environment มีสิ่งที่ให้ความสำคัญแตกต่างกันไปนะคะ อย่างส่วนตัวหนูรู้ตัวว่าชอบการทำวิจัย การสร้างนวัตกรรม และก็ทราบเกี่ยวกับการผลักดันทางด้านวิจัย รวมถึง opportunities ในอนาคตของรามา เลยมุ่งมั่นที่จะเข้าแทรค M.D.-M.Eng ของรามามาตั้งแต่แรกค่ะ หนูคิดว่าการศึกษาและหาตัวเองทั้งหมดทั้งมวลนี้จะทำให้เรามีเป้าหมายที่ชัดเจน ได้ความรู้ ทักษะ และประสบการณ์ดี ๆ มาโดยไม่รู้ตัวเลยค่ะ
2. เทคนิคการทำข้อสอบให้ได้ Perfect Score
สำหรับหนูในเรื่องของการทำข้อสอบให้ได้คะแนนดี ๆ จะแบ่งคร่าว ๆ สองส่วนใหญ่คือ วิธีการเรียน - ส่วนแรกต้องหาวิธีการเรียนและอ่านหนังสือให้เหมาะกับตัวเราให้ได้ค่ะ ยกตัวอย่างเช่นในวิชาชีวะ ตัวหนูจะเข้าใจ process ยาก ๆ ได้ดีถ้าวาดออกมา และจะจำได้ดีด้วยการพูด recall สิ่งที่อยู่ในหัว ในส่วนนี้แต่ละคนก็จะถนัดต่างกันไป แต่เมื่อเราเจอวิธีที่เหมาะกับเรา หนูคิดว่ามันทำให้การเรียน effective เพิ่มขึ้นมาก ๆ ทำให้เราเข้าใจและจำได้ยาวขึ้น ซึ่งการมีพื้นฐานที่แน่น จะทำให้เราทำข้อสอบได้ดีขึ้นแน่นอนค่ะ .
การฝึกทำข้อสอบ - ถัดมาก็จะเป็นเรื่องการฝึกทำ past papers จุดนี้เป็นสิ่งที่ควรทำมาก ๆๆ นะคะ จะทำให้เราสามารถจับแนวของข้อสอบได้ และใช้ strategies ที่ถูกต้องเหมาะสมกับตัวข้อสอบนั้น ๆ ค่ะ เมื่อมีความรู้พื้นฐานแล้ว ก็ลองทำวนไปได้เลย ยิ่งลองทำแล้วผิด เราก็ยิ่งจำได้ดีค่ะ555555 บางบอร์ด อย่าง SAT ก็ชอบออกข้อสอบซ้ำ ชอบแค่ปรับคำนิด ๆ และไม่ยากแต่เน้นแข่งกับเวลาค่ะ
3. การสอบเข้าแพทย์รามา ใช้คะแนนอะไรบ้าง แล้วมีอะไรที่รู้สึกว่ายากสำหรับเราไหม?
ในการสอบเข้าแพทย์รามารอบพอร์ตปี 65 คะแนนสอบที่ใช้จะมีแค่ GPAX, IELTS, BMAT ค่ะ เกณฑ์ในแต่ละปีอาจจะมีปรับบ้าง สำคัญที่จะต้องติดตามอัพเดทจากเว็บคณะนะคะ ส่วนเรื่องความยากก็มีหลายส่วนเลยค่ะ555555 แล้วแต่ช่วงเวลาด้วย ของหนูการที่ต้องทั้งทำคะแนนทั้งภายในและภายนอกโรงเรียนให้ดี แม้ว่าจะไม่ใช่คนหัวดีขนาดนั้น รวมทั้งทำกิจกรรมและตำแหน่งที่เรา responsible อยู่ให้สุดความสามารถ ก็ค่อนข้างกดดันและเหนื่อยมาก ๆ อยู่ค่ะ แต่ก็ทำให้สามารถงัดทักษะบางอย่างที่ตัวเราเองก็ไม่รู้ว่าทำได้ออกมาใช้และพัฒนาเหมือนกัน
4. การสอบรอบสัมภาษณ์ของแพทย์รามาเป็นอย่างไรบ้างครับ
ตื่นเต้นมาก ๆ จนเผลอเด๋อ ๆ ไปหลายส่วนเหมือนกันค่ะ แต่ในด้านคำถามก็มีบางคำถามที่เป็นแนวคิดที่คล้ายกับที่เตรียมตัวฝึกฝนมา บางคำถามก็ unexpected มาก โดยรวมแล้วสามารถเตรียมตัวได้ด้วยการฝึกฝนค่ะ resource มีเยอะมากใน internet ทั้งวีดิโอ หนังสือ คลังคำถาม ไปจนถึง mock interviews จากรุ่นพี่และสถาบัน ในปีที่ผ่านมามีการสัมภาษณ์ช่วงกลางมกรา ส่วนตัวหนูเลยเริ่มฝึกทำ mocks กับเพื่อน ๆ ตั้งแต่ช่วงธันวาค่ะ ช่วยกันหาคำถาม ให้เพื่อนถามเรา เราลองตอบ สลับกัน reflect/ feedback สิ่งที่ทำได้ดีและไม่ดีกันทุกวันเลยค่ะ วันละ 3-4 คำถามก็โอเคแล้ว พยายามทำให้ตัวเองชินกับการพูดนึกคำ การใช้ body language ที่ดี ฯลฯ สำหรับหนูการฝึกเป็นจุดที่สำคัญมากที่ทำให้เราสามารถแก้ weaknesses และพัฒนา strengths เราได้ แต่สิ่งสำคัญที่อยากให้ keep in mind ไว้ ก็คือการทำให้ดีที่สุด ณ จุดนั้นเท่าที่เราสามารถทำได้ค่ะ การเตรียมตัวทั้ง process นี้มันเครียดอยู่แล้ว สัมภาษณ์คือด่านสุดท้ายจริง ๆ ความกังวลมันจะตีกันในหัวไปหมดเลยค่ะ แต่ถ้าไม่ไหวก็พัก ทำอะไรให้ตัวเองคลายเครียดบ้าง และฮึบสู้กันใหม่ค่ะ วันสัมภาษณ์ต้องพร้อมทั้งร่างกายและจิตใจนะคะ
5. Mooky ชอบทำกิจกรรมไหม แล้วเราแบ่งเวลาอย่างไรให้ไม่กระทบการเรียน
หนูสายกิจกรรมเลยค่ะ ไม่ค่อยจะถนัดวิชาการ แหะ ๆ ได้ลองกิจกรรมค่อนข้างหลากหลายแนว หลายโครงการ แม้ว่าส่วนใหญ่จะอยู่ภายในรั้วโรงเรียนค่ะ การแบ่งเวลาให้ดียังค่อนข้างเป็นปัญหาของหนูเหมือนกัน เพราะเป็นคนอยากทำไปเรื่อย อยาก challenge ตัวเอง มีโอกาสเข้ามาก็ทำ จนบางทีก็หักโหมและเหนื่อยเกินไปเหมือนกันค่ะ ในปัจจุบันก็พยายามแก้และเตือนตัวเองเสมอ ๆ ว่าต้องประเมินเวลาและ factors ต่าง ๆ รอบตัวให้ดีก่อนที่จะตัดสินใจทำอะไร นอกจากนี้การวางแพลน prioritise สิ่งที่ต้องทำก็เป็นสิ่งที่ช่วยให้หนูผ่านมาได้เหมือนกันค่ะ มันจะทำให้เราเห็นภาพ goals ทั้งในระยะสั้นและระยะยาวได้ด้วย จัดตารางตัวเองให้กระจายความเหนื่อยไปไม่อัดมาในวันเดียวอะไรแบบนี้ค่ะ
6. อยากฝากอะไรถึง The Pillars บ้างไหม
ต้องขอขอบคุณพี่ ๆ จาก The Pillars มาก ๆ นะคะที่ช่วยปูพื้นฐานวิชาและซัพพอร์ตในด้านต่าง ๆ เกี่ยวกับการสอบเข้ามหาลัย รู้สึกเป็นสถานที่ที่อบอุ่นทุกครั้งเวลาเดินเข้าไปเรียนเลยค่ะ :))